เที่ยว รถไฟ ญี่ปุ่น

เที่ยว รถไฟ ญี่ปุ่น การเดินทางด้วยรถไฟในญี่ปุ่นเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวมาก เพราะสามารถสัมผัสบรรยากาศบริเวณนั้นได้อย่างใกล้ชิด ยิ่งบางเส้นทาง มีขบวนรถจักรไอน้ำโบราณให้ลองขึ้นไปอีกต่างหาก ฟินแบบนี้หาได้ที่ไหน ครั้งนี้เราได้รวบรวม 7 เส้นทางรถไฟท่องเที่ยวสุดเจ๋งที่คุณไม่ควรพลาดทั่วประเทศญี่ปุ่น เรียกได้ว่าไม่ไปก็ถือเป็นความผิดต้องโดนสักครั้ง ไม่งั้นจะพลาดของดีก็ไม่รู้

1. เที่ยว รถไฟ ญี่ปุ่น Sagano Scenic Railway

เที่ยว รถไฟ ญี่ปุ่น Sagano Scenic Railway หรือที่รู้จักกันในชื่อ Sagano Romantic Train เส้นทางนี้ถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมเลยก็ว่าได้ เส้นทางนี้อยู่ในจังหวัดเกียวโต รถไฟย้อนยุคนิดๆ หัวรถจักรโบราณที่หาดูได้ยากในยุคปัจจุบัน ระหว่างทางสัมผัสได้ถึงอากาศดีๆเพราะหน้าต่างเปิดรับลม นอกจากนี้หลังคายังทำด้วยกระจกใสทำให้มองเห็นวิวได้เต็มที่ (รถแบบนี้มีคันเดียว) เส้นทางลัดเลาะไปตามหุบเขาที่มองเห็นแม่น้ำ Hozugawa ไหลผ่าน เริ่มจากสถานี Torokko Saga ไปสิ้นสุดที่สถานี Kameoka Torokko ซึ่งมีความสวยงามแตกต่างกันไป เปลี่ยนไปตามสภาพอากาศ แต่ฤดูที่นิยมมากที่สุดน่าจะเป็นฤดูใบไม้ผลิที่มีอุโมงค์ดอกซากุระบานเป็นสีชมพูอ่อน และฤดูใบไม้ร่วงที่เปลี่ยนไปตลอดเส้นทางจะเต็มไปด้วยสีสันของสีส้มที่เหลืออยู่ ตกแต่งบรรยากาศได้คลาสสิคมาก จนสติแตก เรียกว่าเป็นเส้นทางสายโรแมนติกเลยทีเดียว ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงธันวาคมของทุกปี

จังหวัด : เกียวโต

ค่าโดยสาร: ผู้ใหญ่ 620 เยน เด็ก (อายุ 6 – 11 ปี) 310 เยน

2. Gono Line

เส้นทางที่ถือได้ว่าเป็นเส้นทางที่ทุกคนยกให้สวยงามและสมบูรณ์ที่สุด เพราะไม่ว่าจะสายภูเขาหรือชอบทะเลก็ต้องที่นี่ สองธรรมชาติ สวยมาให้ชมในสายเดียว เริ่มตั้งแต่จังหวัดอาโอโมริไปจนถึงจังหวัดอากิตะ ส่วนแนวเขานี้ถือว่าไม่ธรรมดาเพราะเป็นแนวเขาชิราคามิที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก คุณยังสามารถชมชายฝั่งทะเลญี่ปุ่นที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเกาะฮอนชูอันโด่งดังได้อีกด้วย ตัวรถไฟมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ไม่ทันสมัยแต่มีกลิ่นอายความคลาสสิก เรียกได้ว่าเป็นที่สุดของความลงตัวที่สายไม่ควรพลาด

จังหวัด: อาโอโมริและอาคิตะ

ค่าโดยสาร: ผู้ใหญ่ 3,350 เยน เด็ก (อายุ 6 – 11 ปี) 1,675 เยน

3. Torokko Electric Railway

เส้นทางจะได้สัมผัสบรรยากาศของหุบเขาโดยรอบอย่างใกล้ชิด เริ่มต้นจากสถานี Unazuki ไปสิ้นสุดที่สถานี Keyakidaira เราเดินทางไปตามเทือกเขาคุโรเบะ สิ่งที่พิเศษกว่าทิวทัศน์ที่หาชมไม่ได้จากบนรถไฟ เพราะจะเป็นรถไฟท่องเที่ยวโดยเฉพาะที่ทำให้คุณอินไปกับการเดินทางจริงๆ มีสามประเภทให้เลือก: รถไฟโดยสารธรรมดาเป็นแบบเปิดโล่ง นั่งแถวสี่ไม่มีพนักพิง ชิลล์สุดๆ ถ้าจะให้สะดวกหน่อยต้องรถไฟโดยสารพิเศษที่มีหน้าต่างใสบานใหญ่ ที่นั่งแต่ละแถวประกอบด้วยแบบพับได้ 1 แบบและแบบถาวร 3 แบบ (เพิ่ม 370 เยน) และสุดท้ายคือรถไฟโดยสารชั้นเฟิร์สคลาส “Relax” ที่หรูหราที่สุด ที่นั่งแต่ละแถวประกอบด้วยสามที่นั่ง พนักพิงปรับเอนนั่งได้สบาย (จ่ายเพิ่ม 530 เยน) แนะนำว่ามาช่วงปลายปีแล้วไม่อยากสัมผัสลมหนาวเต็มๆ เพิ่ม 2 แบบหลังดีกว่าครับ สามารถเดินทางด้วยรถไฟได้ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนถึงปลายเดือนพฤศจิกายนของทุกปี

ค่าโดยสาร: ผู้ใหญ่ 1,710 เยน เด็ก (อายุ 6 – 11 ปี) 860 เยน

4. Aizu Railway

เส้นทางจังหวัดฟุกุชิมะที่จะทำให้คุณได้สัมผัสบรรยากาศของชนบทญี่ปุ่นที่จะผ่านทุ่งและสวนเขียวขจีในฤดูร้อน สู่ป่าที่มีต้นไม้ขึ้นหนาแน่นพร้อมกับชมทัศนียภาพของเมืองออนเซ็นในละแวกนั้นอีกด้วย ช่วงเวลาที่สวยที่สุดน่าจะเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่สองข้างทางรายล้อมไปด้วยใบไม้หลากสีทำให้ดูสวยงามมาก ที่คุณแทบจะไม่สามารถละสายตาจากมันได้ รถไฟท่องเที่ยวมีความน่ารักแบบเรียบง่ายเหมาะแก่การนั่งชมวิวเป็นอย่างยิ่ง เส้นทางเริ่มต้นที่สถานี Aizu Wakamatsu และสิ้นสุดที่สถานี Tounoheturi

ค่าโดยสาร: ผู้ใหญ่ 1,140 เยน เด็ก (อายุ 6 – 11 ปี) 570 เยน

5. Fujikyu Railway

ใครที่มองหาเส้นทางที่มองเห็นภูเขาไฟฟูจิต้องเส้นทางนี้ครับ รถไฟที่จะวิ่งเป็นขบวนที่เรียกว่า Fujisan View Express มีรูปลักษณ์ที่ทันสมัยมาก ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกและตกแต่งด้วยวัสดุไม้เพื่อเพิ่มความอบอุ่น เริ่มต้นที่สถานี Otsuki และสิ้นสุดที่สถานี Kawaguchiko ผ่านทางตะวันออกเฉียงใต้และจังหวัด Yamanashi ช่วงที่ผมไปดูภูเขาไฟฟูจิสวยที่สุด น่าจะช่วยได้ ในฤดูร้อนและฤดูใบไม้ผลิที่ฟ้าจะใสมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ชัดเจน

ค่าโดยสาร: ผู้ใหญ่ 1,140 เยน เด็ก (อายุ 6 – 11 ปี) 570 เยน

6. Oigawa Railway

เส้นทางพิเศษสุดที่รถไฟเป็นรถจักรไอน้ำ นับเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของการท่องเที่ยวในจังหวัดชิซึโอกะ การได้นั่งรถไฟที่มีอายุเกือบร้อยปีเป็นสิ่งที่น่าพึงพอใจมาก เหมือนได้ย้อนเวลาไปสู่ยุคโบราณ แต่มีอีกทางเลือกหนึ่งให้เลือกคือ รถไฟ Ikawa-sen ระบบ ABT ซึ่งสั้นกว่าและถูกกว่า นอกจากจะได้ชมทัศนียภาพของภูเขา ป่าไม้ แม่น้ำ สะพานแล้ว ที่นี่ยังสามารถมองเห็นไร่ชากว้างไกลสุดลูกหูลูกตาเป็นทิวทัศน์ที่หาดูได้ยากจากที่อื่น ยิ่งในช่วงฤดูยอดนิยมอย่างฤดูร้อนและฤดูใบไม้ผลินี่จะสวยงามมาก ที่สำคัญยังมีข้าวกล่อง Eki-ben เป็นอาหารขึ้นชื่อของเมืองที่หาทานได้ที่นี่เท่านั้น

อัตราค่าโดยสาร :

SL Line (รถจักรไอน้ำ) ผู้ใหญ่ 2,610 เยน เด็ก (อายุ 6 – 11 ปี) 1,305 เยน (19 สถานีจากสถานี Kanaya ถึงสถานี Senzu)
ระบบ ABT ของ Ikawa-sen Railway ผู้ใหญ่ 1,280 เยน เด็ก (อายุ 6 ถึง 11 ปี) 640 เยน (14 สถานีจากสถานี Senzu ถึงสถานี Ikawa)

7. Tadami Line

รถไฟสายจังหวัดฟุคุชิมะวิ่งยาวไปจนถึงจังหวัดนีงะตะ เริ่มจากสถานี Aizu Wakamatsu ไปสิ้นสุดที่สถานี Koide ซึ่งเป็นเส้นทางที่จะตัดผ่านเมือกทำให้ได้ชื่นชมความงามของธรรมชาติป่าไม้ตลอดทาง แต่ช่วงแปลก ๆ น่าจะเป็น ฤดูหนาวที่ผืนป่าและบริเวณโดยรอบขาวโพลนไปหมดราวกับหลุดเข้าไปในเมืองหิมะในเทพนิยาย เรียกว่าสวยจนแทบลืมหายใจ อีกช่วงหนึ่งที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันคือช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่มีความสวยงามแตกต่างกันไป แต่ละฤดูมาทั้งสองฤดู ถือได้ว่ามีความสวยงามแม้จะอยู่ในบริเวณเดียวกันแต่ให้ความสวยงามเหมือนกัน เหลือเชื่อ
ค่าโดยสาร: ผู้ใหญ่ 7,310 เยน เด็ก (อายุ 6 – 11 ปี) 3,655 เยน

บทความแนะนำ

เที่ยวญี่ปุ่น นอกเมือง

เที่ยวญี่ปุ่น โตเกียว ฟูจิ